ประวัติมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

ยุคก่อตั้งพิบูลสงคราม (พ.ศ. 2464 – 2502)

พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการประกาศใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษา พ.ศ. 2464 ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 38 เมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2465 ส่งผลให้โรงเรียนประจำมณฑลพิษณุโลกเพิ่มหลักสูตรประกาศนียบัตรประโยคครูมูล(ป) แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา 5 และ 6 เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วสามารถเข้ารับราชการครูได้

พ.ศ. 2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินี ได้เสด็จมณฑลพิษณุโลก โดยได้ทรงเปิดอาคารเรียนโรงเรียนฝึกหัดครูประจำมณฑลพิษณุโลก พร้อมทั้งพระราชทานนามโรงเรียนว่า “โรงเรียนพิษณุ
วิทยายน” เมื่อวันที่ 7 มกราคมพ.ศ. 2469 และครูใหญ่โรงเรียนฝึกหัดครูประจำมณฑลคนแรก คือ นายโสภา ปาลบุตร ต่อมา 

พ.ศ. 2476 – 2477 จึงได้เพิ่มหลักสูตรประกาศนียบัตรประโยคครูจังหวัด(ว) หากสอบได้และศึกษาต่ออีก 1 ปี เมื่อสอบผ่านจะได้รับประกาศนียบัตรประโยคครูมูลและสามารถบรรจุเข้ารับราชการครู พ.ศ. 2476 โรงเรียนฝึกหัดครูประจำมณฑลพิษณุโลก “พิษณุวิทยายน” ซึ่งเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูชาย  ย้ายไปตั้งที่บริเวณสระแก้ว ปัจจุบันคือที่ตั้งโรงพยาบาลพุทธชินราช และในปีเดียวกันกระทรวงธรรม การเปิดแผนกฝึกหัดครูหญิงในโรงเรียนสตรีประจำมณฑลพิษณุโลกปัจจุบัน คือ โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี   เปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรประโยคครูมูล(ป) และปี พ.ศ. 2477 เปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรประโยคครูจังหวัด(ว) โดยมีครูใหญ่คนแรก ชื่อ นางสาวสังวาล ศุขโรจน์ ต่อมา พ.ศ. 2482 ได้ยุบ โรงเรียนฝึกหัดครู“พิษณุโลกวิทยายนให้นักเรียนครูชายไปเรียนที่โรงเรียนฝึกหัดครูจังหวัดอุตรดิตถ์”

พ.ศ. 2486 แยกแผนกฝึกหัดครูออกจากโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรีใช้ชื่อว่า“โรงเรียนฝึกหัดครูพิษณุโลก” สังกัดกรมวิสามัญศึกษาในปี พ.ศ. 2497 กระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งกรมการฝึกหัดครูขึ้นจึงโอนโรงเรียนฝึกหัดครูสตรี
ไปสังกัดกรมการฝึกหัดครู และปรับปรุงหลักสูตรเป็นประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา(ป.กศ.) โดยมีนางสาวประเยาว์ รังสิคุต เป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรีและรักษาการโรงเรียนฝึกหัดครูสตรี

พ.ศ. 2498 รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) จำนวนห้าล้านบาท สร้างโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรีแห่งใหม่ในที่ดินราชพัสดุ เล่มที่ 7326 พื้นที่ 9 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวา บริเวณส่วนวังจันทน์ปัจจุบัน แต่โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรีไม่ได้ย้ายมา ทางการจึงมอบอาคารใหม่ให้แก่โรงเรียนฝึกหัดครูสตรี เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2499 และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “โรงเรียนฝึกหัดครูพิบูลสงคราม”เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2499 ต่อมาเปิดสอนสหศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา(ป.กศ.)
ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2500 โดยมีนางสาวประเยาว์ รังสิคุต เป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนฝึกหัดครูพิบูลสงครามคนแรก

พ.ศ. 2501 โรงเรียนฝึกหัดครูพิบูลสงครามขยายพื้นที่โดยกรมการฝึกหัดครูซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินของโรงเรียนการช่างเพิ่มเติม 13 ไร่ 2 งาน 62 ตารางวา และได้เปิดสอนระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา(ป.กศ.) และประกาศนียบัตรชั้นสูง(ป.กศ.สูง) และต่อมา พ.ศ. 2502 ได้ซื้อที่ดินของกองทัพอากาศ จำนวน 120 ไร่ เรียกกันว่า “โรงเรียนฝึกหัดครูพิบูลสงคราม ส่วนสนามบิน”

ยุควิทยาลัยครูพิบูลสงคราม (พ.ศ. 2503 – 2535)

พ.ศ. 2503 โรงเรียนฝึกหัดครูพิบูลสงคราม ยกฐานะเป็น “วิทยาลัยครูพิบูลสงคราม” พร้อมเปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง(ป.กศ.สูง) และเริ่มก่อสร้างโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
เพื่อเป็นสถานที่เพิ่มพูนประสบการณ์ทางวิชาชีพครูซึ่งในปีพ.ศ. 2505 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามได้รับอนุมัติให้เปิดสอนในระดับชั้นประถมศึกษา

พ.ศ. 2504 เปิดการศึกษาชั้นประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง(ป.กศ.สูง) มีอาจารย์ชิดชม กาญจนโชติเป็นอาจารย์ใหญ่

พ.ศ. 2510 กรมการฝึกหัดครูเร่งรัดการผลิตครู ส่งผลให้วิทยาลัยครูพิบูลสงครามเปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรครูประถม(ป.ป.) โดยรับนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา 5 – 6 เข้าศึกษาต่อในหลักสูตรประกาศนียบัตรครุประถม(ป.ป.) อีก 1 ปี

พ.ศ. 2511 มีการเปลี่ยนตำแหน่งหัวหน้าสถานศึกษาจากอาจารย์ใหญ่เป็นผู้อำนวยการและเป็นจุดเริ่มต้นที่วิทยาลัยครูพิบูลสงครามจะขยายพื้นที่สถานศึกษาสู่บริเวณทุ่งทะเลแก้ว โดยมีอาจารย์ชิดชม กาญจนโชติ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ

พ.ศ. 2512 วิทยาลัยครูพิบูลสงครามเปิดสอนภาคนอกเวลาเรียน(ภาคค่ำ) โดยรับผู้สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา 5 หรือเทียบเท่าเข้าศึกษาต่ออีก 6 เดือน ในหลักสูตรประกาศนียบัตรครูประถม (ป.ป.)

พ.ศ. 2517 วิทยาลัยครูพิบูลสงครามเปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีเอกภาษาไทยและต่อมาในปี พ.ศ. 2518 รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติวิทยาลัยครู โดยมีสภาการฝึกหัดครูทำหน้าที่กำหนดนโยบายควบคุมการบริหารงานในวิทยาลัยครูทั่วประเทศ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อตำแหน่งหัวหน้าสถานศึกษาเป็นอธิการวิทยาครู โดยการบริหารงานของวิทยาลัยฯ จัดเป็นคณะวิชาและสำนัก หรือศูนย์ที่เทียบเท่าคณะวิชา

พ.ศ. 2519 สภาการฝึกหัดครูประกาศยกเลิกหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา(ป.กศ.) วิทยาลัยครูพิบูลสงครามจึงจัดการศึกษา 2ระดับ คือ ระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ.สูง) และระดับปริญญาตรี โดยผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจะได้ปริญญาบัตรครุศาสตรบัณฑิต(ค.บ.) โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.เจริญผล สุวรรณโชติ ดำรงตำแหน่งอธิการ

พ.ศ. 2522 เริ่มโครงการอบรมครูและบุคลากรการศึกษาประจำการ(อคป.) โดยเปิดอบรมบุคลากรการศึกษาประจำการในวันเสาร์และวันอาทิตย์ทั้งระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา(ป.กศ.) ประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาขั้นสูง (ป.กศ.สูง) และปริญญาตรี

พ.ศ. 2524 วิทยาลัยครูพิบูลสงครามได้รับอนุมัติจากสำนักนายกรัฐมนตรีให้ใช้ที่ดินสาธารณะประโยชน์บริเวณทุ่งทะเลแก้ว จำนวน 1,000 ไร่ เพื่อเตรียมขยายพื้นที่สถานศึกษาโดยมีโครงการใช้ที่ดินระยะแรก 400 ไร่

พ.ศ. 2525 วิทยาลัยครูพิบูลสงคราม ส่วนทะเลแก้ว ได้จัดตั้ง “ศูนย์ขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผล งานสาธิตฝึกอบรม และส่งเสริมอาชีพราษฎรตามพระราชดำริหน่วยขยายพันธุ์ส้มโอ” และในปีเดียวกันได้เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินกองทัพอากาศตกบริเวณอาคาร 1 ของโรงเรียนสาธิตพิบูลสงครามส่วนวังจันทน์ ทำให้อาคารเรียนได้รับความเสียหายบางส่วน และกองทัพอากาศได้จัดสรรงบประมาณในการสร้างอาคารโรงเรียนสาธิตหลังใหม่ที่ส่วนวังจันทน์ใช้ชื่อว่า “อาคารอนุสรณ์”

พ.ศ. 2527 มีการแก้ไขพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู โดยกำหนดให้วิทยาลัยครูเป็นสถาบันการศึกษาและวิจัย มีวัตถุประสงค์ให้การศึกษาวิชาการสาขาครุศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และศิลปศาสตร์ ส่งผลให้วิทยาลัยครูพิบูลสงครามเปิดคณะวิชาเพิ่มรวมเป็น 5 คณะวิชา คือ ครุศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วิทยาการจัดการ เกษตรและอุตสาหกรรม  รวมถึงมีสำนักงานอธิการและหน่วยงานเพื่อส่งเสริมวิชาการเกิดขึ้น

พ.ศ. 2530 ยกเลิกโครงการอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษาประจำการ(อคป.) โดยเปลี่ยนเป็นโครงการศึกษาสำหรับบุคลากรประจำการ(กศ.ปป.) จัดการศึกษาระดับอนุปริญญาและปริญญาตรี เรียนในวันเสาร์และวันอาทิตย์

พ.ศ. 2531 มีการทำแผนแม่บท พ.ศ. 2531 – 2540 เพื่อพัฒนามหาวิทยาลัยโดยกำหนดแนวคิดให้วิทยาลัยครูพิบูลสงคราม ส่วนวังจันทน์ เป็นที่ตั้งของคณะวิชาครุศาสตร์และโรงเรียนสาธิตวิทยาลัยครูพิบูลสงคราม ส่วนทุ่งทะเลแก้ว เป็นที่ตั้งของคณะวิชาอื่นๆ พร้อมทั้งได้ดำเนินการให้เป็นไปตามแผนแม่บทที่วางไว้ ได้แก่ การก่อสร้างถนนภายในทุ่งทะเลแก้ว ปรับปรุงระบบไฟฟ้าประปา และปลูกต้นไม้สองข้างทางเพิ่มเติม

พ.ศ. 2532 มีการก่อสร้างอาคารคณะวิชาเกษตรและอุตสาหกรรม อาคารหอนอน อาคารเลี้ยงไก่ สุกร โรงเรียนโคนม ศาลารัชมังคลาภิเษก พร้อมทั้งจัดปรับปรุงพื้นที่ทดลองการเกษตรก้าวหน้า “ฟาร์มวิทยาลัย” และในปีเดียวกันนี้ได้ให้นักศึกษาภาคปกติบางส่วนเริ่มเรียนที่วิทยาลัยครูพิบูลสงคราม ส่วนทะเลแก้ว

พ.ศ. 2533 – 2534 มีการก่อสร้างวิทยาลัยครูพิบูลสงคราม ส่วนทะเลแก้วเพิ่มเติม ได้แก่ การสร้างอาคารเอนกประสงค์(เวียงแก้ว) อาคารเรียนรวม(อาคารพระปกเกล้า) สนามบาสเกตบอล  สนามวอลเล่ย์บอล สนามตะกร้อและติดป้ายชื่อถนนในทะเลแก้ว โดยมีคณาจารย์ บุคลากรของวิทยาลัย และนักศึกษาร่วมกันปลูกต้นไม้ ภายในมหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2534 รองศาสตราจารย์ ดร.มังกร ทองสุขดี ดำรงตำแหน่งอธิการบดี

พ.ศ. 2535 รศ.ดร.มังกร ทองสุขดี มาดำรงตำแหน่งอธิการวิทยาลัยครูพิบูลสงคราม มีการย้ายคณะวิชาวิทยาการจัดการไปจัดการเรียนการสอนที่อาคารอเนกประสงค์(เวียงแก้ว) เป็นปีแรกพร้อมทั้งเริ่มมีรถประจำทางวิ่งรับส่งนักศึกษาระหว่างวิทยาลัยครูพิบูลสงคราม ส่วนวังจันทน์ถึงวิทยาลัยครูพิบูลสงคราม ส่วนทะเลแก้ว

ยุคสถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม (พ.ศ. 2535 – 2546)

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 สำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง ได้มีหนังสือแจ้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม “สถาบันราชภัฏ” แทนชื่อ“วิทยาลัยครู” และกรมการฝึกหัดครูได้ทำพิธีการรับพระราชการทานนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2535

พ.ศ. 2538 สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. สถาบันราชภัฏ และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2538 โดยมีนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2538

ต่อมาวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2538 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตรพระราชทาน “ตราพระราชลัญจกร” ให้เป็นตราสัญลักษณ์ของสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏและสถาบันราชภัฏ 36 แห่ง และแต่ละแห่งมีการแบ่งส่วนราชการออกเป็นสำนักงานอธิการบดี  บัณฑิตวิทยาลัย คณะ สำนัก และหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ จึงส่งผลให้ มีการเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารจากอธิการเป็นอธิการบดีที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งโดย คำแนะนำของคณะกรรมการสภาสถาบันราชภัฏ คือ ดร.สว่าง ภู่พัฒนวิบูลย์ ดำรงตำแหน่งอธิการบดี (คนแรก)

พ.ศ. 2539 – 2540 ศูนย์บริการได้ย้ายจากส่วนวังจันทน์มาเปิดวันให้บริการที่ส่วนทะเลแก้ว และในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2539 สถาบันราชภัฏพิบูลสงครามได้เปลี่ยนการจัดการศึกษาสำหรับ บุคลากรประจำการ(กศ.ปป.) เป็นการจัดการศึกษาสำหรับปวงชนเพื่อปริญญา(กศ.ปป.) โดยเปิดสอน เป็นภาควันเสาร์-อาทิตย์ สถาบันราชภัฏพิบูลสงครามได้จัดทำการออกแบบวางผังแม่บท โดยความร่วมมือของภาควิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และสถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม จนได้ผังแม่บทการพัฒนาส่วนทะเลแก้ว ส่วนวังจันทน์ และส่วนสนามบิน พ.ศ. 2540 – 2570 เพื่อใช้ประกอบคำของบประมาณจากรัฐบาล ส่งผลให้ได้งบประมาณมาสร้างอาคารเพิ่มในบริเวณส่วนทะเลแก้วหลายหลัง ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง รศ.ประวิตร ชูศิลป์ เป็นอธิการบดีสถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม

พ.ศ. 2542 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542  ทำให้สถาบันราชภัฏจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานะให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการจึงได้เตรียมการยกร่างพระราชบัญญัติให้เป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ โดยมีนามของสถาบันราชภัฏต่อท้ายชื่อมหาวิทยาลัย

พ.ศ. 2546 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ดร.สว่าง ภู่พัฒน์วิบูลย์ เป็นอธิการบดีสถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม แทน รศ.ประวิตร ชูศิลป์ ที่ครบวาระการดำรงตำแหน่งอธิการบดี

ยุคมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม (พ.ศ. 2547 – 2564)

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2547 และพระราชทานถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 121 ตอนพิเศษ 23 ก. ลงวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ทำให้มหาวิทยาลัย ราชภัฏแต่ละแห่งเป็นนิติบุคคล และเป็นส่วนราชการในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษากระทรวงศึกษาธิการ โดยสภามหาวิทยาลัยมีอำนาจและหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปกำหนด นโยบาย ออกกฎ ระเบียบ อนุมัติกำกับมาตรฐานการศึกษา พิจารณา แต่งตั้ง ถอดถอน สภาวิชาการ สภาคณาจารย์และข้าราชการ และคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 จึงมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ

พ.ศ. 2547 – 2548 มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม มีอธิการบดีคนแรก คือ ดร.สว่างภู่พัฒน์วิบูลย์ และมีนายกสภามหาวิทยาลัยคนแรก คือ ร้อยตรีประพาส ลิมประพันธุ์

พ.ศ. 2549 มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม มีการพัฒนาอาคารสถานที่ทั้งส่วนวังจันทน์ และส่วนทะเลแก้ว ซึ่งส่วนวังจันทน์เป็นคณะครุศาสตร์โรงเรียนสาธิต สถาบันวิจัยและพัฒนา สำนักศิลปะและวัฒนธรรม บัณฑิตศึกษา ส่วนทะเลแก้วเป็นสำนักงานอธิการบดี คณะเทคโนโลยีการเกษตรและอาหาร คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ นอกจากนี้ ยังมี อาคารศูนย์ภาษาและคอมพิวเตอร์ ศูนย์การศึกษาพิเศษ ศูนย์วิทยาศาสตร์ ศูนย์ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ(เวียงแก้ว) อาคารอเนกประสงค์และหอประชุมใหญ่ หอพักนักศึกษา(ทะเลแก้วนิเวศน์) ส่วนด้านการเรียนการสอนได้เริ่มปรับปรุงหลักสูตรของสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏให้เป็นหลักสูตรของ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

พ.ศ. 2550 เริ่มใช้อาคารปฏิบัติการคณะเทคโนโลยีการเกษตรและอาหาร อาคารปฏิบัติการคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม อาคารเรียนรวม และสำนักงานอธิการบดี  ซึ่งใช้หลักสูตรที่ปรับปรุงให้เป็นหลักสูตรของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามเป็นปีแรก เฉพาะนักศึกษาภาคปกติ ระดับปริญญาตรีจำนวน 28 หลักสูตร และขออนุมัติหลักสูตรใหม่ระดับปริญญาโท หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารเพื่อเปิดสอนในปีการศึกษา 2551

พ.ศ. 2551 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ดร.สว่าง ภู่พัฒน์วิบูลย์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัย ราชภัฏพิบูลสงครามต่ออีกวาระหนึ่ง มีผลตั้งแต่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ตามประกาศสำนัก นายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551

พ.ศ. 2551 – 2557 มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามมีอาคารที่ใช้จัดการเรียนการสอน และบริหารจัดการ ส่วนวังจันทน์ ได้แก่ อาคารสำนักศิลปะและวัฒนธรรม ศูนย์วัฒนธรรมภาคเหนือตอนล่าง วังจันทน์ริเวอร์วิว ส่วนทะเลแก้ว ได้แก่ อาคารกิจการนักศึกษา อาคารศูนย์กีฬาในร่ม อาคารคณะวิทยาการจัดการ อาคารหอสมุดอิเล็กทรอนิกส์ อาคารที่พักบุคลากรมหาวิทยาลัย อาคารเรียนรวมคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ส่วนสนามบิน ระยะ 30 ปี (พ.ศ. 2540 – 2570) เพื่อใช้ประกอบคำของบประมาณจากรัฐบาล ส่งผลให้ได้รับงบประมาณมาสร้างอาคารเพิ่มในบริเวณทะเลแก้ว ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรองศาสตราจารย์ประวิตร ชูศิลป์ เป็นอธิการบดีสถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม

เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้พระราชทานนามอาคาร 2 หลังคือ อาคารหอประชุมศรีวชิรโชติทรงเสด็จพระราชดำเนิน ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามทรงประทานความหมายว่า “แสงสว่างแห่งนักปราชญ์หรือนักปราชญ์ผู้สว่างไสวในปัญญา” เมื่อวันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลา 17.13 น. พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนิน
ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ทรงเปิดอาคารหอประชุมศรีวชิรโชติและอาคารทีปวิชญ์ โดย
ดร.สว่าง ภู่พัฒน์วิบูลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เป็นผู้กล่าวรายงาน

เมื่อวันที่ 26 – 29 มีนาคม พ.ศ. 2554 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคเหนือทั้ง 8 แห่ง ประจำปีการศึกษา 2552 – 2553 ณ หอประชุมศรีวชิรโชติมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก

พ.ศ. 2555 – 2557 มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ได้ปรับปรุงหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนที่ทันสมัย และตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานในระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอก จำนวน 52 หลักสูตร เมื่อวันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556 เปิดอาคารศูนย์วัฒนธรรมภาคเหนือตอนล่าง วังจันทน์ ริเวอร์วิว และมีการประชุมใหญ่โครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษา ครั้งที่ 1 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม  ส่วนวังจันทน์ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557 มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ดำเนินการเปิดให้บริการอาคารหอสมุดอิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นทางการเพื่อให้บริการทรัพยากรสารสนเทศแก่บุคลากรทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

พ.ศ. 2557 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ดร.สาคร สร้อยสังวาลย์ ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557 ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนพิเศษ 227ง 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ประกาศ ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 แทน ดร.สว่าง ภู่พัฒน์วิบูลย์ ที่ครบวาระ

พ.ศ. 2559  ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำนิสิต  นักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏ 33 แห่งทั่วประเทศ ครั้งที่ 10  ณ  มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2560 ได้รับการจัดตั้งเป็นส่วนงานภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ในนาม “วิทยาลัยการพยาบาล”  และเริ่มเปิดสอนหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตในปีการศึกษา 2562

พ.ศ. 2563  เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) จึงได้ปรับ แนวทางการจัดการเรียนการสอน ภาคปกติ ระดับปริญญาตรี โดยปรับการเรียนการสอนในรูปแบบ online และ Hybrid  โดยอาจารย์ นักศึกษา และบุคลากร ให้ยึดมาตรการความปลอดภัยในภาวะสถานการณ์นั้น และยังออกมาตรการช่วยเหลือนักศึกษาและผู้ปกครอง ช่วงการระบาดระลอกใหม่ โดยขานรับนโยบาย ลดค่าเทอม 50% ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 และให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติม เยียวยานักศึกษาและผู้ปกครอง

พ.ศ. 2564 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชุมพล เสมาขันธ์  ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ลงประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 138 ตอนพิเศษ 34 ง 11 กุมภาพันธ์ประกาศ ณ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 แทน ดร.สาคร สร้อยสังวาลย์
ที่ครบวาระวิทยาลัยการจัดการและพัฒนาท้องถิ่น เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น คณะสังคมศาสตร์และการพัฒนาท้องถิ่น (คสท.) Faculty of Social Sciences and Local Development (SSLD) มีผลตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป (ตามมติที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ครั้งที่ 182 (8/2564)

พ.ศ. 2565  เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 100 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ได้ ดำเนินการจัดมหกรรมงาน “100 ปี ราชภัฏพิบูลสงคราม  เทดไท้องค์ราชัน” ระหว่างวันที่ 24-27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565  โดยได้ขอประทานกราบทูลเชิญ พระเจ้าวงวงค์เธอพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จเป็นองค์ประธานทรงเปิดงาน  ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชุมพล เสมาขันธ์ อธิการบดีหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เป็นผู้กราบทูลรายงาน ณ ศูนย์วัฒนธรรมภาคเหนือตอนล่าง วังจันทน์ ริเวอร์วิว มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม  และได้จัดสร้างวัตถุมงคลเหรียญพระพุทธชินราชปิดทอง “รุ่น 100 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม”

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565  มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ได้เริ่มก่อสร้างอาคารปฏิบัติการกลางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และวิทยาลัยการพยาบาล ถูกตั้งจัดขึ้นเป็น “คณะพยาบาลศาสตร์” เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2565  
มีภารกิจหลักด้านการจัดการศึกษา การวิจัย และการบริการวิชาการทางด้านการพยาบาลและสุภาพแก่สังคม

วันที่ 24 ธันวาคม 2565  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคเหนือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ประจำปี 2565 ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

พ.ศ. 2566  เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566  พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ประจำปี 2566 ภายใต้ยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งได้ดำเนินงานในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกและสุโขทัย โดยตั้งแต่ปี 2561-2566 ได้ดำเนินโครงการพัฒนาท้องถิ่น ตามบทบาทหน้าที่ของมหาวิทยาลัยราชภัฏ รวม 307 โครงการ ใน 190 หมู่บ้าน เกิดผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ได้มาตรฐาน 159 ผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ 1,598 ครัวเรือน ข้ามพ้นเกณฑ์ความยากจน ตลอดจนเกิดการยกระดับการเรียนรู้ของโรงเรียนขนาดเล็กอีก 85 แห่ง 

นอกจากนี้ ได้รับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการ เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการศึกษาและพัฒนาท้องถิ่นจากคณบดีทั้ง 8 คณะ และการนำเสนอผลงานกิจกรรมการพัฒนา Soft Skill ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้นำนักศึกษาได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านกิจการนักศึกษา  ณ ห้องประชุม Meeting Hall สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

วันที่ 15 ธันวาคม 2566 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ นายเกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ไปในงานพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคเหนือ ประจำปีการศึกษา 2563  ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

พ.ศ. 2567  เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ที่ พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ได้ติดตามการดำเนินงานของ ม.ราชภัฏพิบูลสงคราม ภายใต้ยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ประจำปี 2567 พร้อมรับฟังผลการปฏิบัติงานโครงการยกระดับภาษาอังกฤษให้กับนักศึกษาครู นักศึกษาทุกสาขาวิชา และอาจารย์ผู้สอน ซึ่งจะเรียนรู้ผ่านกิจกรรมยกระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ  และยังคงตรวจติดตามการปฏิบัติงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม เพื่อรับฟังสรุปผลการขับเคลื่อนกิจการนักศึกษา และพบผู้นำนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม  ห้องประชุม ท.410 อาคารทีปวิชญ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม 

วันที่ 13 กันยายน 2567 ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ ทั้ง 38 แห่ง “ทปอ. มรภ. ครั้งที่ 5 (176)/2567” โดยมีมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม ณ ห้องคอนเวนชั่น ศูนย์วัฒนธรรมภาคเหนือตอนล่าง โรงแรมวังจันทน์ริเวอร์วิว จังหวัดพิษณุโลก  เพื่อมุ่งเน้นการทำงานร่วมกันในการสร้างระบบและกลไกในการพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วทั้งประเทศ ทั้ง 38 แห่ง

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ไปมอบปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง และมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามประจำปีการศึกษา 2565 ณ หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ศูนย์แม่ริม

วันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2567 โครงการสัมมนาผู้นำนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคเหนือ ครั้งที่ 36 และการแข่งขันกีฬาผู้นำนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือ ครั้งที่ 9  มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการจัดโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อให้ผู้นำนักศึกษาได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงาน และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งพัฒนาทักษะวิศวกรสังคม โดยมีคณะผู้บริหาร รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา บุคลากรด้านกิจการนักศึกษา และผู้นำนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือ 8 แห่ง

พ.ศ.2568 วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ประกอบพิธีบวงสรวงและยกเสาเอก–เสาโท การก่อสร้างอาคารศูนย์นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ภาคเหนือตอนล่าง หรืออาคารคณะครุศาสตร์ (หลังใหม่) ณ ส่วนทะเลแก้ว

“มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม” มีศักยภาพทางวิชาการที่ตรงตามาตรฐานการผลิตบัณฑิตสามารถเปิดสอนทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 มาตรา 7 บัญญัติให้มหาวิทยาลัยราชภัฏเป็นสถาบันเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นที่เสริมพลังปัญญาของแผ่นดิน ฟื้นฟูพลังการเรียนรู้ เชิดชูภูมิปัญญาของท้องถิ่นใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล รวมระยะเวลา 100 ปี ที่พัฒนาเป็น “มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม” ผ่านการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงหลายครั้ง หลายรูปแบบหลายบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามที่ภาคภูมิและสำคัญยิ่ง ทั้งด้านการเรียนการสอน การวิจัย การบริการวิชาการและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม โดยน้อมนำคุณธรรม จริยธรรม และความรู้ ตามแนวพระราชดำริ พัฒนาท้องถิ่นและสังคมของประเทศให้เข้มแข็งอย่างเอนกอนันต์และยั่งยืน

(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565)

(ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน 2568 จากกระบวนการTimeline พัฒนาการวิศวกรสังคม)

ตรามหาวิทยาลัย ปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธกิจ

(มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 2565)

ภาพที่ 1 ตรามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

ตรามหาวิทยาลัยเป็นรูปวงรีวงล้อมตราพระราชลัญจกรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชที่พระราชทานให้แก่สถาบันราชภัฏ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์2535 ภายในวงรีเป็นชื่อสถาบันราชภัฏแต่ละแห่ง ด้านบนเป็นอักษรภาษาไทย ด้านล่างเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นตัวเขียนที่เป็นลักษณะเฉพาะ สีในตราสถาบันมีความหมายและคุณค่า ดังนี้

สีน้ำเงิน  แทนค่า  สถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ให้กำเนิดและพระราชทานนาม “สถาบันราชภัฏ”
สีเขียว    แทนค่า  แห่งที่ตั้งของสถาบันฯ 41 แห่งในแหล่งธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สีทอง     แทนค่า  ความเจริญรุ่งเรืองทางภูมิปัญญา
สีส้ม      แทนค่า   ความรุ่งเรืองของศิลปวัฒนธรรมไทยท้องถิ่น ที่ก้าวไกลใน 41 สถาบัน
สีขาว     แทนค่า   ความคิดอันบริสุทธิ์ของนักปราชญ์แห่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

ปรัชญา

การจัดการศึกษามุ่งผลิตบัณฑิตให้เป็นนักปฏิบัติ เพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืน

วิสัยทัศน์

ผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่สังคม

พันธกิจ

1. ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพให้มีศักยภาพในการประกอบอาชีพ ทั้งในตลาดแรงงานและการประกอบอาชีพอิสระในยุคดิจิทัล มีทักษะการสื่อสารมากกว่า 1 ภาษา มีทักษะด้านดิจิทัลมีทักษะชีวิต มีคุณธรรมจริยธรรม มีทักษะวิศวกรสังคม มีเอกลักษณ์ โดดเด่น การสร้างนวัตกรรม ด้านการทำงานเป็นทีมและมีภาวะผู้นำเป็นที่ยอมรับของสังคม

2. ผลิตและพัฒนาครูทุกระดับให้มีศักยภาพในวิชาชีพ มีทักษะการจัดการเรียนรู้ที่ทันสมัย มีสมรรถนะความเป็นครู

3. ยกระดับผู้ประกอบการและคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น ด้วยกระบวนการบูรณาการ บริการวิชาการ การวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมที่ทันสมัย

4. พลิกโฉมบริหารจัดการเป็นมหาวิทยาลัยพัฒนาเทคโนโลยี และส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม

สีและดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย

สีประจำมหาวิทยาลัย

 สีเขียว        หมายถึง ความราบรื่น เจริญงอกงาม ความสดชื่น ความคงทน ไม่จืดจาง

 สีขาว         หมายถึง ความบริสุทธิ์ ปราศจากมลทิน ทั้งกาย วาจา ใจ

 สีเขียว-ขาว   หมายถึง ความเจริญก้าวหน้าและมีคุณธรรมสูง

ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย

“ดอกกาซะลอง” ลักษณะมีใบสีเขียวและดอกสีขาว ตรงกับสีประจำมหาวิทยาลัย

ดอกของกาซะลองมีกลิ่นหอม หมายถึงความมีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามที่ขจรขจายไปไกลทั่วทิศ